นอนแพริมน้ำ กาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน

จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้ นอนแพริมน้ำ ฟังเสียงสายน้ำแควที่ไหลเอื่อยไปท่ามกลางขุนใหญ่และผืนป่า เราจะพาไปเยี่ยมเมืองแห่งสายน้ำ และการผจญภัยที่ไม่มีที่สิ้นสุดของดินแดนสวรรค์ตะวันตกที่ กาญจนบุรี กันค่ะ ทริปสนุก และสุดชิลกำลังจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันใน 3 วัน 2 คืนนี้ ใครที่รักธรรมชาติ และความตื่นเต้นแอดเวนเจอร์ ต้องไม่พลาดมาเที่ยวตามรอยเราได้เลย
DAY 1

เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงกาญจนบุรีใช้เวลาไม่นานเพียง 3 ชม. เราก็มาถึงเมืองกาญจน์กันเป็นที่เรียบร้อยค่ะ สำหรับที่แรกที่เราจะแวะนั้นก็คือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แต่ไม่ได้ขับรถไปแบบปกติ เราซื้อแพ็คเกจ Boat Trip จากบ้านผู้พันทัวร์ นั่งเรือหางยาวไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ค่ะ ถ่ายรูปไประหว่างทางอย่างชิล ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ระหว่างสองข้างทางเราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำแควค่ะ มีคุณลุงพายเรือเก็บดอกบัว เห็นชุมชนริมน้ำ เป็นความรู้สึกที่ดีตั้งแต่เริ่มทริปเลยทีเดียว
ไม่นานเราก็มาถึง สะพานข้ามแม่น้ำแคว แลนด์มาร์คของเมืองกาญจน์ ที่นี่แทบจะถือได้ว่าเป็นที่เที่ยวที่เป็นอนุสรณ์ถึง สงครามโลก ครั้งที่ 2 แม้เรื่องราวตอนนั้นจะโหดร้ายมากมายก็ตาม แต่ตอนนี้ ที่นี่กลับสวยงามและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกแวะมาเยี่ยมเยียน
เราไปกันต่อที่ ปราสาทเมืองสิงห์ ปราสาทหินโบราณ โบราณสถานเพียงแห่งเดียวที่เป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบขอมที่ตั้งอยู่ในเมืองกาญจนบุรีค่ะ ซึ่งมีสถาปัตยกรรม และปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
หลังจากเราแวะทานมื้อกลางวัน ก็ไปต่อกันที่ อ.ไทรโยค เพื่อไปลงเรือหางยาวเข้าที่พัก ริเวอร์แคว จังเกิลราฟท์ (River Kwai Jungle Rafts) ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติใจกลางของป่าเขียวขจีริมแม่น้ำแควค่ะ

สำหรับการเดินทางมารีสอร์ทนั้น เราสามารถนำรถมาจอดค้างคืนไว้ที่ลานจอดรถของรีสอร์ท และลงเรือหางยาวไปค่ะ ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิวที่สวยงามตลอดสองฝากฝั่งแม่น้ำแคว ลมเย็นๆ มาปะทะหน้าพร้อมสายน้ำที่กระเซ็นเย็นฉ่ำ แน่นอนว่าชิลสุดๆ แล้วก็ใช้เวลาไม่นานด้วยค่ะ ประมาณ 20 นาที เราก็มาถึง ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์ เป็นที่เรียบร้อย
เช็คอินเรียบร้อย ไปเดินดูห้องพักสักหน่อย บอกก่อนว่า ที่นี่เป็นห้องพักแบบไม่มีเครื่องปรับอากาศนะคะ เพราะคอนเซ็ปต์เขาอยากให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศร้อนเลย เพราะตอนกลางคืน ที่นี่อากาศจะเย็น นอนสบายๆ ค่ะ
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ได้เวลาออกผจญภัยเล็กๆ กันแล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวกันต่อที่ หมู่บ้านมอญ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับรีสอร์ท สำหรับทางเดินไปหมู่บ้านมอญนั้นจะเหมือนเดินเข้าไปในป่าเลยค่ะ แต่ก็มีทางเดินเป็นดินเรียบๆ เดินไปไม่ยาก สำหรับการแต่งตัว แนะนำให้แต่งกายสบายๆ รองเท้าผ้าใบจะดีมากค่ะ แนะนำให้ติดยากันยุงแบบสเปรย์ หรือยาทากันยุงอื่นๆ ไปด้วย เพราะยุงค่อนข้างชุมทีเดียว
ภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนของคนในชุมชน มีโรงเรียนซึ่งเปิดเฉพาะวันหยุดเพื่อให้เด็กๆ ได้มาเรียนภาษามอญกัน นอกเหนือจากภาษาไทยที่ไปเรียนกันตามปกติในโรงเรียนอยู่แล้ว เดินมาอีกหน่อยก็จะมี วัดมอญ ด้วยค่ะ ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ตามปกติ เราสามารถทำบุญไหว้พระได้ และบริเวณใกล้ๆ วัดมอญ เราจะได้เจอกับ เจดีย์ชเวดากององค์จำลอง ซึ่งหันหน้าไปทางเมืองหงสาวดีอีกด้วย
หลังจากกลับมาจากหมู่บ้านมอญ เราก็มาล่องแพกันต่อค่ะ ได้ชมทัศนยภาพสวยๆ ของแม่น้ำแควช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกดิน หรือถ้าใครอยากพายเรือคายัคก็สามารถ เต็มที่กันไปเลย
หลังมื้อค่ำที่รีสอร์ทยังมีกิจกรรมดีๆ ที่หาชมได้ยากก็คือ ระบำมอญ โดยใช้ชาวมอญท้องถิ่นซึ่งได้รับการฝึกสอนจากรุ่นสู่รุ่น การแสดงจะถูกกำกับโดยผู้ฝึกสอนชาวเมียนมาร์ รวมถึงยังมีการใช้เครื่องดนตรีท้องถิ่นในการบรรเลงเพลงประกอบอีกด้วยค่ะ
หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาแห่งความสนุกสุดแอดเวนเจอร์กับกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเมืองกาญจน์ Tree Top Adventure Park ค่ะ ใครชอบความสนุก ตื่นเต้นท้าทายแบบ Extreme ท้าให้มาลอง และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะที่สาขานี้ตัวเราจะมีการผูกกับห่วงอลูมิเนียม 1 อันอยู่ตลอดเวลาที่ร่วมกิจกรรมภายในที่นี่ และมีสต๊าฟดูแลอย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ ขาลุยอย่างเราจะพลาดได้ยังไง !
จบกิจกรรมแอดเวนเจอร์มันส์สุดๆ ไปแล้ว ก็ได้เวลาแห่งความชิลค่ะ เราเดินทางกันต่อไปยังที่พักในคืนที่ 2 หินตกริเวอร์แค้มป์ เต็นท์หรูติดแอร์ สไตล์เต้นท์ซาฟารี ไฮไลท์ก็คือ ห้องพักทุกห้องจะเป็นเต็นท์ ขนาดใหญ่สไตล์ค่ายพักแรมทั้งหมด ความกว้างขวางพอๆ กับห้องพักทั่วๆ ไปเลยค่ะ และแต่ละหลังก็จะเว้นระยะห่างกันค่อนข้างชัดเจน ทำให้เป็นส่วนตัวมากๆ บรรยากาศสงบ ผ่อนคลาย เหมาะแก่การมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ
DAY 3


เช้าวันที่ 3 มาถึงอย่างรวดเร็ว เรายังตื่นเช้ากันเหมือนเดิมค่ะ เพราะมีกิจกรรมชิลๆ ตั้งแต่เช้าที่ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด ก็คือ การปั่นจักรยานไปตักบาตรที่วัดหาดงิ้ว ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร อากาศตอนเช้าตรู่ของบริเวณนี้ก็เย็นสบาย และสดชื่นจนสลัดความงัวเงียได้เป็นปลิดทิ้ง ระหว่างทางยังผ่านสะพานแขวนเล็กๆ ผ่านได้แค่จักรยาน และมอเตอร์ไซค์ให้ได้ตื่นเต้นเล็กๆ
ก่อนกลับบ้านในวันนี้ เราพากันไปเที่ยวชิลต่อริมแม่น้ำแควกันบนรางรถไฟสายมรณะ ที่ สถานีรถไฟ ถ้ำกระแซ จุดชมแม่น้ำแควที่เรียกว่าวิวดีที่สุดในเมืองกาญจนบุรีก็ว่าได้

ถ้ำกระแซ เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก
หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ
จบทริป 3 วัน 2 คืน สนุกสุดๆ ได้ครบทุกอารมณ์การท่องเที่ยวเมืองกาญจน์ เมืองแห่งสายน้ำและการผจญภัยจริงๆ ค่ะ ใครที่อยากมาสัมผัสกับรสชาติของการเดินทางแบบเราก็มาตามโปรแกรมนี้ได้เลยนะคะ รับรองว่า การันตีความสนุกสุดๆ และชิลมากๆ ไปพร้อมๆ กัน
Cr.https://travel.trueid.net/detail/dMB8v0LkZ97



0 คอมเม้นต์

แสดงความคิดเห็น

Copyright 2019 © Tour Planet. All rights reserved.
Powered by Need Soft