เที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน ทริปสั้น เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไปไหนได้บ้าง
- 24 June 2023
- kung
เที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน ทริปสั้น เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไปไหนได้บ้าง
ใครที่มีวันหยุดไม่มาก แต่อยากหา ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ เป็นทริปสั้นๆ ขับรถเที่ยวชิลๆ ได้ เราชวนมา อุทัยธานี กันเลยค่ะ ที่นี่เต็มไปด้วย ที่เที่ยวธรรมชาติ วัดที่สวยงาม และวิถีชีวิตริมแม่น้ำสะแกกรัง ตามเรามาดูแผนเที่ยวชิลๆ เที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน กันได้เลยค่ะ ทริปสั้น เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไปไหนได้บ้าง มาดูกันจ้า…
เที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน
ขับรถเที่ยวใกล้กรุงเทพ
แผนเที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน
วัดท่าซุง
หุบป่าตาด
ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์
วัดถ้ำเขาวง
ตลาดซาวไฮ่
ต้นไม้ยักษ์
Day 1
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ค่อนข้างเช้าหน่อยค่ะ วันนี้ เราจะเดินทางไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ กันที่ อุทัยธานี นอนชิลสักคืน แล้วตื่นมาเที่ยวต่อกัน เป็นทริปสั้นๆ แค่ 2 วัน 1 คืน ค่ะ ที่แรกที่เราจะแวะไปก่อนเลยก็คือ วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม นั่นเองค่ะ ไปไหว้พระ ทำบุญ ถ่ายรูปสวยๆ กันก่อนเลย!
1. วัดท่าซุง
ขับรถชิล มองข้างทางแค่แป๊ปเดียว ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึง วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม ค่ะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอเมืองอุทัยธานี ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง วัดสวย ใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอุทัยธานี อีกด้วย ภายในวัดกว้างขวางมากๆ เลยทีเดียวค่ะ หลังจากจอดรถเรียบร้อย เราไปยัง วิหารแก้ว 100 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นวิหารหลักของวัดเลยทีเดียว
โดยการเข้าชมวิหารแก้วนั้นจะแบ่งเป็นรอบๆ ค่ะ เราไปรับบัตรคิว และรอเข้าชมวิหาร ครู่เดียวก็ถึงคิวของเราแล้ว ภายในวิหารนั้นประดับประดาด้วยโมเสกสีขาว และกระจก ที่สะท้อนกันไปมา ดูวิบวับทั่วไปทั้งวิหารเลยทีเดียว และประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง เป็นพระประธานในวิหารค่ะ
หลังจากไหว้พระ ทำบุญกันแล้ว เราก็ออกมานั่งรถสองแถวคันเล็กๆ ไปต่อยัง ปราสาททองคำ อีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้หากมาวัดท่าซุงค่ะ ปราสาททองคำ หรือ ปราสาททองกาญจนาภิเษก นั้น ตกแต่งสวยงามด้วยทองคำตระการตา ประณีตงดงามมากๆ ปราสาททองคำมี 3 ชั้นด้วยกัน มียอดทั้งหมด 37 ยอด เป็นยอดเท่าๆ กัน 36 ยอด ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ และยอดตรงกลางเป็นยอดใหญ่ 1 ยอดค่ะ เราเดินชมความสวยงามถ่ายรูปกันสักหน่อยค่ะ
================
หลังจากออกจากวัดท่าซุง ก็เกือบบ่าย เราไปแวะกินข้าวริมแม่น้ำสะแกกรัง ก่อนเดินทางต่อไปยัง หุบป่าตาด กันค่ะ จากวัดท่าซุงไปหุบป่าตาด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะต้องออกจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอลานสักค่ะ แม้จะไกลออกไปสักหน่อย แต่ที่นี่เป็นอีก ที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆ Unseen ในอุทัยธานีเลย เพราฉะนั้น มาถึงอุทัยธานีแล้ว ก็ต้องแวะไปกันให้ได้ค่ะ
2. หุบป่าตาด
เรามาถึงหุบป่าตาด ประมาณบ่ายแก่ๆ แล้ว แดดร่มลมตกกำลังดี ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่เราจะต้องเดินผ่านเข้าไป เพื่อไปชมป่าโบราณที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในค่ะ ต้องบอกว่า เป็นฟีลลิ่งผจญภัยเบาๆ อยู่เหมือนกัน
เขาหินปูนนี้มีอายุเก่าแก่ประมาณ 245-286 ล้านปีเลยทีเดียวค่ะ โดยจะมีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ด้านในเพราะการกัดเซาะของน้ำฝนเป็นล้านปี ผ่านกาลเวลามาจนมีป่าเกิดขึ้นอยู่ภายในถ้ำ น่ามหัศจรรย์ใจมากจริงๆ
เราเดินเข้าไปด้านใน สัมผัสได้ถึงความเขียวขจี สดชื่นของป่า มองไปทางไหนก็จะเห็นเป็นสีเขียวทั่วบริเวณเลยค่ะ ระยะทางเดินชมธรรมชาติก็สบายๆ ไป-กลับประมาณ 700 เมตร เท่านั้นเอง ถ้าใส่รองเท้าผ้าใบมาก็จะค่อนข้างเดินได้สะดวกหน่อย
นอกจากพืชพรรณต่างๆ ที่ดูเหมือนเราได้หลุดเข้ามาในป่าจูราสิคแล้ว ไฮไลท์มากที่สุดของที่นี่ ก็คือ กิ้งกือมังกรสีชมพู เป็นสัตว์หายากที่จะพบได้แค่ช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปีเท่านั้นอีกด้วย ตอนเราเข้าไปด้านในก็หาไม่เจอเหมือนกันค่ะ! แต่ด้านหน้าทางเข้า จะมีเจ้ากิ้งกือมังกรสีชมพู อยู่ในระบบนิเวศน์จำลองที่ทางเจ้าหน้าที่เลี้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมนั่นเอง ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยค่ะ ฮ่าๆ
================
หลังจากถ่ายรูปสวยๆ ของหุบป่าตาดกันอย่างจุใจแล้ว เราแวะไปที่ ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ กันต่อ เพราะอยู่ไม่ไกลกันมาก ก่อนจะไปนอนโฮมสเตย์กันที่ ห้วยหินดำโฮมสเตย์ อำเภอด่านช้าง ของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นรอยต่อติดกับจังหวัดอุทัยธานีค่ะ
3. ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์
ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ที่เที่ยวถ่ายรูปสวยๆ และยังเป็นที่เล่นน้ำเบาๆ ในอำเภอบ้านไร่ อุทัยธานี ค่ะ ช่วงเวลาที่เรามาถึงประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ เรียกได้ว่า แสงกำลังสวยเลยทีเดียว ที่นี่ เป็นบริเวณของฝายกั้นน้ำในชุมชน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำและชะลอการไหลของน้ำโดยเฉพาะค่ะ
ไฮไลท์ของฝายนี้จะอยู่ตรงที่ เมื่อน้ำมีปริมาณเกินความจุของฝาย น้ำจะไหลล้นข้ามสันฝายลงมา ทำให้กลายเป็นม่านน้ำตกที่สวยงดงามนั่นเอง ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาเล่นน้ำ ถ่ายรูปกันมากมายเลย เอาขาจุ่มน้ำ สดชื่นสุดๆ ไปเลย!
================
Day 2
เราตื่นเช้ามาพร้อมกับอากาศหนาว! อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ หนาวจริงๆ จนต้องคว้าเอาเสื้อกันหนาวที่เตรียมมาใส่อย่างไว เมื่อคืนเราเข้าที่พักกันค่อนข้างหัวค่ำหน่อย เพราะเราข้ามจากจังวัดอุทัยธานี มานอนโฮมสเตย์ที่ ห้วยหินดำโฮมสเตย์ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ค่ะ
ตรงนี้เป็นที่พักที่ตั้งอยู่เรียกได้ว่า ตรงกลางระหว่างจังหวัดอุทัยธานี กับ สุพรรณบุรี เลย อีกทั้งยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ เพราะอยู่บนเขา อากาศเลยหนาวมากๆ แบบนี้นั่นเอง ที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ เป็นโฮมสเตย์ที่มีแค่ หมอนกับผ้าห่ม และมุ้งให้เรา แต่ก็นอนหลับสบายมากๆ เหมือนเปิดแอร์นอนเลยจ้า
สำหรับใครที่แพลนเที่ยวคล้ายๆ เรา แล้วไม่อยากเดินทางไกลมาก ก็สามารถหาที่พักในอำเภอบ้านไร่ ได้ค่ะ เพราะมีที่พักมากมายให้เลือกเลย แต่ถ้าอยากได้ฟีลนอนบนเขา หนาวๆ แบบเรา ก็มานอนที่ห้วยหินดำโฮมสเตย์ สุพรรณบุรี แบบเราได้ค่ะ
สำหรับเช้าวันที่ 2 ของทริป เราไปเที่ยวในอำเภอบ้านไร่ อุทัยธานี กันต่อก่อนจะกลับกรุงเทพฯ ค่ะ โดยที่แรกในเช้านี้ที่เราแวะไปเที่ยวกันก็คือ วัดถ้ำเขาวง นั่นเอง
4. วัดถ้ำเขาวง
วัดถ้ำเขาวง ตั้งอยู่ในตำบลบ้านไร่ เป็นอีกหนึ่งวัดสวยในจังหวัดอุทัยธานี ที่มีสถาปัตยกรรมต่างออกไปจากวัดที่เราเคยเห็นๆ กัน ดูเผินๆ ภายนอกจะเห็นเป็นบ้านเรือนไทยขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยเขาหินปูน ซึ่งมี 4 ชั้นด้วยกันค่ะ คือ ชั้นใต้ถุน เป็นลานอเนกประสงค์ ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร และมี รอยพระพุทธบาทจำลอง ให้เราไว้สักการะ สำหรับชั้นที่ 3 นั้นจะเป็นหออริยบูชาไว้สำหรับการปฏิบัติธรรม ส่วนอุโบสถจะอยู่ในชั้นที่ 4 ค่ะ
นอกจากนี้ ด้านหลังของวัด ยังมี ถ้ำปฏิบัติธรรม หรือ ธรรมสถานถ้ำเขาวง ซึ่งเปิดให้เยี่ยมชมได้ ทางที่เดินขึ้นไปบนถ้ำจะค่อนข้างลาดชัน เป็นทางเดินดิน และหินค่อนข้างเยอะค่ะ ใครที่อยากเข้ามาชมบรรยากาศตรงนี้อาจจะต้องสวมรองเท้าที่ค่อนข้างทะมัดทะแมงสักหน่อย เพราะค่อนข้างเดินยากพอสมควร
ด้านหน้าของถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รู้สึกได้ถึงความสงบร่มเย็นค่ะ ที่ตรงนี้ เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมอีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ได้มาปฏิบัติธรรม แต่ขึ้นมาเพื่อชมความสวยงาม ก็ไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนนะคะ
จากวัดถ้ำเขาวง เราหาร้านอร่อยฝากท้องกันก่อนไปต่อ สำหรับที่ต่อไปที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ตลาดซาวไฮ่ ค่ะ ตลาดชุมชนสุดอินดี้ ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ของแฮนด์เมด เพราะฉะนั้น สายช้อป สายชิล คือต้องห้ามพลาดจ้า
5. ตลาดซาวไฮ่
ตลาดซาวไฮ่ เป็นตลาดนัดชุมชน ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผักผลไม้ตามฤดูกาลมากมาย รวมไปถึง งานดนตรีต่างๆ กาแฟดริป และงานคราฟท์ ที่น่าสนใจค่ะ ทำให้เป็นหนึ่งหนึ่งที่เที่ยวในอุทัยธานี ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากๆ อีกทั้งเราจะได้เจอกับเหล่าเกษตรกรในท้องถิ่นที่จะนำพืชผักผลไม้ต่าง มาขาย และเจอกันกับผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้โดยตรงเลยค่ะ
นอกจากของกินดีๆ ผักออร์แกนิค ยังมีร้านเสื้อผ้าทอต่างๆ ผ้ามัดย้อม งานหัตถกรรมต่างๆ ที่ดูเก่ๆ เพียบเลยค่ะ สาวๆ สายอาร์ตบอกเลยว่าต้องชอบ! เดินเพลินๆ ช้อปไป ชิมไป ดีสุดๆ
================
6. ต้นไม้ยักษ์
เรามาปิดท้ายทริปเที่ยวกันที่ ต้นไม้ยักษ์ ค่ะ เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ที่ต้องห้ามพลาดนะคะบอกเลย! เพราะเป็นที่เที่ยว Unseen ในธรรมชาติกลางป่าใหญ่ค่ะ โดย ต้นไม้ยักษ์ หรือ ต้นเซียง นี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสีเขียวขจีมากกว่าหลายร้อยต้นที่ล้อมรอบต้นไม้ยักษ์นี้ไว้อย่างสวยงามเลยทีเดียว ถ้าวัดจากการใช้คนกางแขนโอบจะได้ราว 40 คนเลยค่ะ เพราะฉะนั้นแวะมาชมความสวยงามอลังการ และถ่ายรูปกันได้
นอกจากนี้ ยังมี ตลาดต้นไม้ยักษ์ ซึ่งจะตั้งอยู่ก่อนบริเวณที่ต้นไม้ยักษ์ตั้งอยู่ค่ะ เมื่อเรามาถึงก็จะเจอกับตลาดก่อนเลยเป็นที่แรก ซึ่งจะเปิดให้ช้อปได้ในทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เป็นตลาดเล็กๆ ของชุมชนนั่นเอง
นับว่าเป็นที่เที่ยว Unseen ใครที่ชอบถ่ายรูปแบบชิคๆ มีสไตล์ ที่นี่ก็เหมาะมากเลยค่ะ รับรองว่าจะได้รูปสวยไว้ลงโซเชียลกันแน่นอนเลย
เที่ยวกันอย่างเต็มอิ่มเลยค่ะกับแผนเที่ยวอุทัยธานี 2 วัน 1 คืน ของเรา เป็นอีกทริปสั้นๆ เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แต่ได้มาใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไหว้พระ ทำบุญ อีกทั้งยังได้มาช้อปปิ้งในตลาดชุมชนที่เต็มไปด้วยของแฮนด์เมดสุดน่ารัก ผักผลไม้อย่างดีที่ส่งตรงจากใจเกษตรกร เป็นอีกทริปที่ดีมากๆ เลยค่ะ เพาะฉะนั้นวันหยุดนี้ ถึงมีเวลาไม่มาก ก็สามารถมาเที่ยวอุทัยธานีกันได้เลยน้า…
cr.https://travel.trueid.net/detail/WlG7qyPy2Aol